ร.10 รมว.ต่างประเทศได้มีการโต้ตอบส.ส.ในสภาฯไทย สำนักข่าวที่รอยเตอร์ รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ว่านายไฮโก มาส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ เยอรมนี ได้มีการตอบโต้ สส.จากพรรคกรีนส์ณ เมื่อวันที่ 7 ต.ค ที่ผ่านมาได้มีการแสดงความห่วงใยต่อการเคลื่อนไหว ของนักศึกษาที่ต่อต้านรัฐบาล รวมไปถึงการประทับ อยู่ในเยอรมนีของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
:หญิงหน่อย”ซัด”ลุงตู่”กู้เงินมาแจกก็ยังแจกไม่เป็น
:โดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19
ร.10 รมว.ต่างประเทศได้มีโต้แถงกับส.ส ในสภาฯไทย รอยเตอร์ ได้มีการรายงานเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ว่านายฟริตยอฟ ชมิดต์ ส.ส.พรรคกรีนส์ ได้ถาม รมว. ต่างประเทศในสภาฯ ถึงในกรณีที่กษัตริย์ไทยทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ ในการประทับอยู่ในรัฐบาวาเรีย ซึ่งเป็นประเด็นในการประท้วงในประเทศไทย ที่แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการใช้จ่าย ที่ทรงใช้มนการประทับอยู่ต่างแดน และมีการที่ไม่ประทับอยู่ในประเทศ
“เหตุใดรัฐบาลเยอรมนีจึงยอมอดทนต่อพฤติกรรมที่แปลกประหลาดมากเช่นนี้ ซึ่งในความเห็นของผมเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ที่ประมุขของประเทศอื่นดำเนินงานการเมืองบนแผ่นดินเยอรมนี”
ร.10 รมว.ต่างประเทศได้มีการโต้ตอบส.ส.ในสภาฯไทย นายมาส ชี้แจงต่อคำถามนี้ว่า “เราอธิบายไว้ชัดเจนว่าการดำเนินการทางการเมืองที่เกี่ยวกับประเทศไทยไม่ควรมาจากดินแดนของเยอรมนี”
“หากมีแขกของประเทศเราเข้ามาดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับประเทศของพวกเขา เราจะดำเนินการคัดค้านอย่างแน่นอน” รมว. ต่างประเทศกล่าวเสริม

รอยเตอร์รายงานด้วยว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่บรรยากาศการเมืองในประเทศไทยกำลังร้อนแรง
และมีประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญ และจัดการเลือกตั้งใหม่ ตลอดจนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
สหภาพยุโรป (อียู) ได้ระงับการติดต่อในทุกระดับกับทางการไทยหลังเกิดการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2557
แต่ได้กลับมาเปิดการเจรจาอีกครั้งหลังการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ ได้กลับมาบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีพลเรือน
นายชมิดต์ ส.ส. พรรคกรีนส์ ได้ถามนายมาสว่า เยอรมนีได้เตรียมจะหารือกับอียู ถึงการระงับการเจรจาการค้าเสรีกับไทยอีกรอบหรือไม่ “ตราบที่รัฐบาลทหารยังคงสกัดกั้นวิถีสู่ประชาธิปไตยในประเทศไทย”
นายมาสตอบเรื่องนี้ว่า การระงับการเจรจาเป็น “ตัวเลือกหนึ่ง” ที่จะเพิ่มแรงกดดัน แต่ควรต้องหารือเรื่องนี้กับรัฐบาลไทยเสียก่อน
ถอดความบทถาม-ตอบ ในสภาเยอรมนี
นายฟริตยอฟ ชมิดต์ ส.ส.พรรคกรีนส์
“ในขณะนี้ ประชาชนนับหมื่นคนกำลังชุมนุมเรียกร้องหาประชาธิปไตยจากรัฐบาลทหารที่สกัดกั้นพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด
ก่อนหน้านี้ พฤติกรรมดังกล่าวของคณะรัฐประหารเป็นสาเหตุให้สภาพยุโรปปิดกั้นและระงับการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับไทย หลังจากรัฐบาลทหารประกาศจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่
“กระบวนการเจรจานี้ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจากการที่ไทยกลับสู่แนวทางประชาธิปไตย ตอนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพร้อมที่
จะหารือกับคณะมนตรียุโรปเพื่อระงับการเจรจาเหล่านี้อีกครั้งหรือไม่ ในขณะที่รัฐบาลทหารยังคงเป็นอุปสรรคต่อวิถีสู่ประชาธิปไตยในประเทศไทย”
นายไฮโก มาส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
“เราอธิบายไว้ชัดเจนว่าการดำเนินการทางการเมืองที่เกี่ยวกับประเทศไทยไม่ควรมาจากดินแดนของเยอรมนี เราได้รับรายงานว่าเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นหลายครั้งที่นี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกลางเยอรมนีไม่เห็นด้วย
นี่แตกต่างจากกรณีที่เรามีเกี่ยวกับนายนาวาลนี (นายอเล็กเซ นาวาลนี แกนนำฝ่ายค้านรัสเซีย) หากมีแขกของประเทศเราเข้ามาดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับประเทศของพวกเขา เราจะดำเนินการคัดค้านอย่างแน่นนอน”
“ผมคิดว่านี่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่เราจะหารือกับสหภาพยุโรป แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยเรื่องนี้กับฝ่ายไทยอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ เพราะไทยมีผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าที่เหมาะสม
ผมเชื่อว่าเราอาจใช้ข้อเรียกร้องของเราเป็นเครื่องต่อรองได้ แต่ผมไม่ตัด (ตัวเลือกการหารือกับอียู) หากรัฐบาลทหารยังคงพฤติกรรมแบบเดิม เราต้องรอดูเรื่องนี้ต่อไป และเราอาจต้องใช้มาตรการนั้น”

อัยการเยอรมันสั่งไม่ฟ้องเด็กชายใช้ปืนลมยิงใส่ขบวนเสด็จจักรยาน ร. 10
โฆษกสำนักงานอัยการในเยอรมนีเผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับเด็กชายสองคนที่ยิงปืนลม
ใส่ขบวนจักรยานของพระองค์ ขณะทรงจักรยาน เมื่อคืนวันที่ 10 มิ.ย. ใกล้กับสนามบินมิวนิก
โฆษกของสำนักงานอัยการเมืองลันด์สฮูท ในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ทางสำนักงานอัยการได้มีคำสั่งในเดือนนี้
ไม่ฟ้องเด็กชายวัย 14 ที่ใช้ปืนพกอัดลม ยิงจากหน้าต่างของบ้านหลังหนึ่งเข้าใส่ขบวนเสด็จโดยจักรยาน
ของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่เสด็จพระราชดำเนินไปในสวนแห่งหนึ่งใกล้กับสนามบินมิวนิก เนื่องจาก อาวุธปืนลมที่ใช้ไม่ได้ทำอันตรายต่อผู้ใด
“พิสูจน์ไม่ได้ว่า วัยรุ่นรายนี้มีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และ นอกจากนี้ เด็กทั้งสองไม่ทราบว่าพระองค์เป็นใครด้วย” โฆษกของสำนักงานอัยการเมืองลันด์สฮูท ระบุในอีเมล
ก่อนหน้านี้ นายโทมาส เราสเชอร์ โฆษกของสำนักงานอัยการเมืองลันด์สฮูท ในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี
กล่าวกับบีบีซีไทยว่า เมื่อเวลา 23:00 น ของ วันที่ 10 มิ.ย. 2560 ตำรวจได้รับแจ้งจากสมาชิกของขบวนเสด็จ โดยจักรยานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ว่าถูก “ยิง” แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ
จากที่เจ้าหน้าที่ได้มีการสอบสวน เด็กชายสองคน ในวัย 13 และ 14
ได้ใช้ปืนอัดลมยิง ยิงจากที่หน้าต่างของบ้านหลังหนึ่งเข้า ไปใส่ขบวนจักรยานที่กำลังเสด็จพระราชดำเนิน ไปยังสวนแห่งหนึ่ง ใกล้กับสนามบินมิวนิก
“พระองค์ไม่มีพระประสงค์ที่จะให้ดำเนินคดีกับเด็กทั้งสอง… แต่ในเยอรมนีเป็นหน้าที่ของทางการที่จะสืบสวนและพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุหรือไม่” นายเราสเชอร์ กล่าวในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับบีบีซีไทย
สื่อมวลชนนานาชาติหลายแห่งให้ความสนใจนำเสนอข่าวนี้ เช่น เอพีของอเมริกา บิลด์ ของเยอรมนี และ เซาธ์ไชนามอร์นิงโพสต์ในฮ่องกง
โฆษกของสำนักงานอัยการเมืองลันด์สฮูท กล่าวอีกว่า ได้ปล่อยตัวเด็กทั้งสองแล้ว แต่กระบวนการสอบสวนเด็กชายวัย 14 ปี
ในข้อหาพยายามทำร้ายร่างกาย ยังดำเนินอยู่ ส่วนเด็กชายวัย 13 ปีนั้น อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะถูกสอบสวนภายใต้กฎหมายเยอรมนี
