ข่าวทั่วไป » เขามีอายุแค่ 5 ขวบ ตอนที่ตาย

เขามีอายุแค่ 5 ขวบ ตอนที่ตาย

6 สิงหาคม 2020
817   0

เขามีอายุแค่ 5 ขวบ ตอนที่ตาย

เด็กชายถูกทิ้งให้อยู่ในห้องที่มืดสนิทอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีทั้งน้ำและอาหารหลงเหลืออยู่ในห้อง ทั้งห้องมีแต่เศษขยะกองพะเนิน #เด็กชายตายในสภาพผอมโซ ตอนที่เขาอายุได้เพียง 5 ขวบ

วันที่ 30 พฤษภาคม

เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองเด็กแวะไปที่อพาร์ทเมนต์ขนาด 2DK หลังจากได้รับแจ้งว่าที่นั่นเป็นที่อยู่ของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งในปีนี้ เขาควรจะรายงานตัวเพื่อขึ้นชั้น มัธยม 1 แล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววของเด็กและครอบครัว

ในห้องแบบญี่ปุ่น โครงกระดูกสูงประมาณ 1 เมตรกองอยู่บนเสื่อทาทามิที่มุมห้องด้านใน ร่างนั้นมีเสื้อผ้าเก่าขาดรุ่งริ่งสวมอยู่ รอบๆ มีกล่องอาหารว่างเปล่า ถุงใส่ข้าวปั้น ขวดน้ำ กองแพมเพิส และขยะต่างๆ

ถ้าเด็กน้อยยังมีชีวิตอยู่ ” #วันนี้คือวันที่เขาจะอายุครบ 13 ปี “

พฤษภาคม 2001

ฮิโรยูกิ ย้ายมาอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้กับภรรยา หลังจากนั้นไม่นานภรรยาของเขาก็ตั้งท้อง และให้กำเนิดเด็กชายหน้าตาน่ารักน่าชัง

แต่ชีวิตครอบครัวไม่ราบรื่นพอ ฮิโรยูกิมีหนี้สินมากมายเพราะการพนัน ทำให้ถึงหาเงินได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ การเป็นหนี้สร้างความกดดันให้สองผัวเมียจนทำให้ทะเลาะตบตีกันบ่อยๆ

สุดท้าย แม่ที่ทนถูกลงไม้ลงมือไม่ไหวก็เลยหนีออกไปจากบ้านเช่าเพียงลำพัง ทิ้งเด็กชายให้อยู่กับพ่อ

ต่อมาไม่นาน #บ้านก็ถูกตัดไฟจากการค้างจ่าย

ตอนนั้น ฮิโรยูกิทำงานเป็นพนักงานขับรถบรรทุกกะกลางคืน

ก่อนจะออกไปทำงาน เขาจะซื้อข้าวปั้น ขนมปัง และน้ำเปล่าทิ้งเอาไว้ให้เด็กชาย ทุกครั้งพอรู้ว่าพ่อจะไปทำงาน เด็กชายจะร้องไห้ ” ปาป๊า ๆ ” พยายามดึงชายเสื้อดึงแขนขารั้งพ่อเอาไว้ เขาไม่อยากถูกทิ้งไว้ในห้องมืดๆ เพียงลำพังทั้งคืน

เด็กน้อยมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าเด็กทั่วไป พูดได้เพียงคำว่า ” พ่อ ” ” แม่ ” ” ข้าว ” แล้วก็ยังช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้ แม้แต่การเข้าห้องน้ำ

” ฉันเหนื่อย ไหนจะทำงาน ไหนจะเลี้ยงลูก ” ฮิโรยูกิพูดด้วยสีหน้าที่ซูบเซียว ดวงตาโหลลึกเหมือนคนอดนอน

******
******

ฮิโรยูกิเริ่มคบหากับผู้หญิงคนหนึ่ง

หลังจากนั้น เขาก็เริ่มไม่กลับบ้าน เด็กชายถูกทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง ฮิโรยูกิแวะมาหาลูกอาทิตย์ละสอง สามครั้ง หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ห่างออกไป

สองเดือนก่อนที่เด็กชายจะตาย เขาผอมมากจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก และเริ่มป่วย แต่ฮิโรยูกิก็ไม่กล้าพาเขาไปโรงพยาบาลเพราะกลัวว่าตัวเองจะมีความผิด จึงได้แต่ปล่อยเด็กชายไว้แบบนั้น

******
******

ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

นอกจากจะล็อคประตู ฮิโรยูกิยังใช้เทปกาวปิดตามหน้าต่างและบานเลื่อน เพื่อกันไม่ให้เด็กชายออกมาได้ และไม่ให้มีเสียงดังเกินไป

#ไม่นานเด็กน้อยก็เสียชีวิต

ฮิโรยูกิแวะไปหาลูกวันที่เขากำลังจะตาย เด็กชายไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเปิดถุงขนมปังที่เขาเอาไปให้กิน ร่างนั้นได้แต่นอนนิ่ง หายใจแผ่ว เด็กน้อยมองมาที่ฮิโรยูกิด้วยสายตาที่แทบไร้แวว เขาพยายามขยับปากร้องเรียก ” ปาป๊า ปาป๊า ” แต่ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา

ฮิโรยูกิได้แต่ยืนมองสภาพของลูกชายที่จวนเจียนจะสิ้นใจ โดยไม่ทำอะไร ในตอนนั้นเขาคิดอะไรไม่ออก นอกจากกลัว กลัวว่าลูกจะตาย กลัวว่าตัวเองอาจมีความผิด กลัวจะต้องติดคุก กลัวสังคมประณาม ฯลฯ

ท่ามกลางความสับสนในใจ #ฮิโรยูกิเลือกที่จะหนีออกจากที่นั่น และทิ้งลูกชายที่กำลังจะตายไว้ลำพัง

*******
*******

ฮิโรยูกิกลับมาเพื่อดูลูกชายในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา

และใช่ เด็กชายตายแล้ว เขาตายก่อนที่จะอายุครบ 6 ขวบไม่นาน ศพเริ่มเน่าส่งกลิ่นคลุ้งอยู่ในห้อง

” ทันทีที่เห็นศพ ฉัน … ฉันก็รีบวิ่งออกมา แล้วหลังจากนั้นฉันก็ไม่กล้ากลับไปที่นั่นอีกเลย “

ผ่านไป 7 ปี กว่าที่จะมีคนรู้ว่าเด็กชายได้เสียชีวิตไปแล้ว

******
******

” ฉันไม่เคยลืมเรื่องลูกได้เลยสักวัน “

ฮิโรยูกิบอกกับตำรวจ ตั้งแต่เมียทิ้งไป เขาเองเลี้ยงลูกมาตามลำพัง เด็กชายไม่เคยไปเนอสเซอรี่หรือสถานรับเลี้ยง เพราะฮิโรยูกิไม่รู้เรื่องพวกนี้

ไม่มีใครให้ถาม และเขาก็ไม่ต้องการติดต่อกับพนักงานรัฐฯ คนไหนทั้งนั้น เด็กชายจึงไม่เคยได้ไปไหน ไม่เคยได้ออกนอกห้อง ไม่มีเพื่อน ไม่ได้ไปตรวจสุขภาพหรือฉีดวัคซีน ไม่แม้แต่ไปโรงเรียนอนุบาล

#เป็นชีวิตที่เกิดและอยู่อย่างมืดมนจริงๆ

******
******

หลังจากลูกตาย ฮิโรยูกิยังคงเช่าบ้านหลังนั้นไว้เช่นเดิม แม้จะไม่เคยกลับไปที่นั่นอีกเลย แต่เขาก็ยังต่อสัญญาเช่าทุก ๆ 2 ปี

ในห้องที่ไม่ต่างจากบ้านร้าง ฝุ่นจับตัวหนาบนพื้นและบนข้าวของต่างๆ ที่ตรงหัวเตียง ยังมีอัลบั้มครอบครัวที่ถ่ายตอนที่เด็กชายเพิ่งเกิดอยู่ที่นั่น

เป็นรูปถ่ายที่หน้าศาลเจ้า เด็กชายอยู่ในชุดสดใส กำลังหลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนอบอุ่นของแม่ พ่อที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใช้มือนึงโอบแม่ และอีกมือถือร่มบังแดดให้ลูกเมีย

” #ทั้งพ่อและแม่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข “

******
******

เพจ :: ซากุระเที่ยงคืน เรื่องเล่าจากญี่ปุ่น แปล และเรียบเรียง

ที่มา ::

– https://blog.goo.ne.jp/d…/e/890190367de5bdb83496519de8a47b53

– http://azarami.blog.fc2.com/blog-entry-11481.html?sp

***