ร้อง สอศ.ปม ข้าราชการเทคนิคใช้เงินผิดวัตถุประสงค์

ร้อง สอศ.ปม ข้าราชการเทคนิคใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ได้มีการร้องเรียนว่ามีข้าราชการในวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง ได้เอาเงินที่มีคนบริจากสื่อการสอน

ได้ไปใช้ในเรื่องส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังขาดหาว่าใครเป็นคนทำในสิ่งนี้ และ ทำไมถึงต้องได้กระทำในส่วนนี้ ที่ขอเงินบริจากให้กับวิทยาลัยฯ แต่กลับเอามาใช้สอย และเลี้ยงส่งกันอย่างสบายใจ เป็นที่เรียกกันได้ว่าทำให้เดือดร้อนแก่ผู้อื่น และทำให้วิทยาลัยได้เสื่อมเสีย

 ร้อง สอศ.ปม ข้าราชการเทคนิคใช้เงินผิดวัตถุประสงค์

ผู้บริจาคยื่นจดหมายพร้อมหลักฐานถึง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในประเด็นการเบิกเงินของผู้บริหารวิทยาลัยเทคนิคฯโดยมิชอบ

วันที่16 พฤศจิกายน 63 ที่ผ่านมา นายสิทธิรุจน์ เสถียรจารุพงศา ผู้
บริจาคเงินเพื่อการศึกษาให้กับวิทยาลัยเทคนิคฯ แห่งหนึ่ง ใน จังหวัดขอนแก่น
ในชื่อบัญชี ค่าใช้จ่ายบริหารกองทุนแนะแนว
ได้ดำเนินการเขียนจดหมายร้องเรียน 2 ฉบับ
ถึง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยมีการตรวจสอบพบว่ามีข้าราชการของวิทยาลัยเทคนิคดังกล่าว

ได้มีการเบิกเงินจากบัญชี ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ ๔๐๓๑๕๕๓๓๓๒ ซึ่งเงินบัญชีดังกล่าว เป็นเงินมาจากการบริจาคเพื่อการศึกษาให้กับนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หากแต่ทางด้านข้าราชการวิทยาลัย

ผู้ถือบัญชีได้มีการเบิกเงินออกมาแล้วนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งทางผู้บริจาคได้สันนิษฐานว่ามีการนำไปในการจัดเลี้ยงต้อนรับทำให้มีการเปิดประเด็นขึ้นมา ในการที่ยักยอกเงินในส่วนของเงินที่ได้มีการเขียนมา เพื่อขอบริจาค เพื่อเป็นทุนการศึกษาในเด็กวิทยาลัยฯ แต่เอากลับมาใช้ในเรื่องส่วนตัว และมันกระทบคนอื่น

ทำให้มีการเปิดประเด็นขึ้นมา ในการที่ยักยอกเงินในส่วนของเงินที่ได้มีการเขียนมา เพื่อขอบริจาค เพื่อเป็นทุนการศึกษาในเด็กวิทยาลัยฯ แต่เอากลับมาใช้ในเรื่องส่วนตัว และมันกระทบคนอื่น

นี้คือผู้ที่ได้บริจาคได้ยื่นจดหมายพร้อมกับหลักฐานและเอกสารถึง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในประเด็นการเบิกเงินของผู้บริหารวิทยาลัยเทคนิคฯโดยมิชอบ

การเรียกร้องทางครั้งนี้ทำให้เหล่า บุคลากรได้มีผลกระทบต่างๆ ในหน้าที่และการทำงานของวิทยาลัยฯแห่งนี้ ทำให้ได้มีการเสียระบบต่างๆ ทั้งนี้ยังต่อรอการตรวจสอบ และค้นหาขอมูลในการยักยอกเงินครั้งนี้ด้วย

เป็นผลกระทบในหลายๆ เรื่องที่วิทยาลัยต้องรับผิดชอบ การยักยอกเงิน ของวิทยลัยนั้นทำให้ต้องขาดแคลนเรื่องการเรียนและอุปกรณ์ ในการสอน แต่สิ่งที่บุคลากรท่านนี้ได้กระทำนั้น ทำให้เกิดผลเสียต่อทางวิทยาลัยเป็นอย่างมาก

เป็นผลกระทบในหลายๆ เรื่องที่วิทยาลัยต้องรับผิดชอบ การยักยอกเงิน ของวิทยลัยนั้นทำให้ต้องขาดแคลนเรื่องการเรียนและอุปกรณ์
ในการสอน แต่สิ่งที่บุคลากรท่านนี้ได้กระทำนั้น ทำให้เกิดผลเสียต่อทางวิทยาลัยเป็นอย่างมาก

ครั้งนี้ก็ต้องรอ วันที่เรียกตัวและหมายศาลที่ให้กับตัวบุคลากรดังกล่าว เพราะ การที่ทำให้การศึกษาต้องได้เสียระบบกับคนเดียวมันไม่ใช้เรื่อง ที่จะทำกัน เพราะเงินที่ขอไปเป็นทุนแต่กลับเอามาใช้เอง ซี่งเป็นความตามกฎหมายที่กว่ามาไว้ แต่อย่างไรก็ตามที่ได้กล่าวไว้ ตอนนี้ได้มีการได้เรียกหมายศาล ให้บุคลากรดังกล่าวได้ไปทำเรื่องที่ศาลตามกฎหมาย

เป็นการกระทำที่ทำให้ยุ่งยากอย่างมาก เพราะการที่เอาเงินไปใช้ในทางที่ผิดแล้วยังจะต้องทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนนั้น ไม่ใช้การกระทำที่ถูกเป็นอย่างมาก

เป็นเงินมาจากการบริจาคเพื่อการศึกษาให้กับนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หากแต่ทางด้านข้าราชการวิทยาลัย ผู้ถือบัญชีได้มีการเบิกเงินออกมาแล้วนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งทางผู้บริจาคได้สันนิษฐานว่ามีการนำไปในการจัดเลี้ยงต้อนรับ เป็นการกระทำที่ทำให้ยุ่งยากอย่างมาก เพราะการที่เอาเงินไปใช้ในทางที่ผิดแล้วยังจะต้องทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนนั้น ไม่ใช้การกระทำที่ถูกเป็นอย่างมาก

วิทยาลัยเทคนิคฯ แห่งหนึ่ง ใน จังหวัดขอนแก่น ในชื่อบัญชี
ค่าใช้จ่ายบริหารกองทุนแนะแนว ได้ดำเนินการเขียนจดหมายร้องเรียน 2 ฉบับ
ถึง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ด้วยมีการตรวจสอบพบว่ามีข้าราชการของวิทยาลัยเทคนิคดังกล่าว ได้มีการเบิกเงินจากบัญชี ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ ๔๐๓๑๕๕๓๓๓๒ ซึ่งเงินบัญชีดังกล่าว

นายสิทธิรุจน์ เสถียรจารุพงศา ได้มีการให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว “ไว้ว่าจุดมุ่งหวังของเงินบริจาคที่ตนเองมอบให้นั้นเพื่อให้เด็กๆผู้ขาด

โอกาสทางการศึกษาได้ใช้เงินเพื่อแนะแนวการศึกษาอย่างตรงวัตถุประสงค์” และอยากให้การศึกษาของไทยพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง

และได้มีการร้อง สอศ.ปม ให้ข้าราชการเทคนิค ที่ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ จึงได้มีการร้องขอให้ทางเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

ให้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และ ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่และหากพบว่าเป็นความผิดอาญาก็ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย

:ด่วน! ศบค.แถลงติดโควิดเพิ่ม 4 เผยไทม์ไลน์ดีเจ

ร้อง สอศ.ปม ข้าราชการเทคนิคใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ จึงร้องขอให้ทางเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ และ หากพบว่าเป็นความผิดอาญาก็ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายนี้คือผู้ที่ได้บริจาคได้ยื่นจดหมายพร้อมกับหลักฐานและเอกสารถึง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในประเด็นการเบิกเงินของผู้บริหารวิทยาลัยเทคนิคฯโดยมิชอบ

นายสิทธิรุจน์ เสถียรจารุพงศา ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไว้ว่าจุดมุ่งหวังของเงินบริจาคที่ตนเองมอบให้นั้นเพื่อให้เด็กๆผู้ขาดโอกาสทางการศึกษา และได้มีการร้อง สอศ.ปม ให้ข้าราชการเทคนิค ที่ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ จึงได้มีการร้องขอให้ทางเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

ได้ใช้เงินเพื่อแนะแนวการศึกษาอย่างตรงวัตถุประสงค์ และอยากให้การศึกษาของไทยพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง ล่าสุดคงต้องรอทางเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ว่ามีพยานหลักฐานหรือเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง ควรต้องรอผลพิสูจน์ต่อไป

ล่าสุดคงต้องรอทางเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ว่ามีพยานหลักฐานหรือเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง ควรต้องรอผลพิสูจน์ต่อไป

แต่อย่างไรก็ตามที่ได้กล่าวไว้ ตอนนี้ได้มีการได้เรียกหมายศาล ให้บุคลากรดังกล่าวได้ไปทำเรื่องที่ศาลตามกฎหมาย

แต่ยังไม่ข่าวได้คืบหน้าเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว เรื่องนี้ต้องติดตามต่อไป เพราะ ถ้าหากมีบุคคลนี้ได้ทำการแบบนี้อีกทีก็ต้องเป็นพิษต่อสังคม อย่าให้มันได้เกิดอีก ต้องทำการให้เด็ดขาด

ข่าวแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแต่กลับไม่มีคนได้ร้องทุกข์ หรืออาจจับไม่ได้เลยก็ว่าได้ เป็นข่าวส่วนน้อยที่จะออกมาได้บ่อยครั้ง เพราะการที่มีข่าวแบบนี้อาจทำให้วิทยาลัยได้เสื่อมเสียกัน เลยไม่ค่อยจะออกมายอม หรือได้มีการปล่อยข่าวที่แน่ชัดเป็นอย่างมากก็ว่าได้

ล่าสุดต้องรอทางเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ว่ามีพยานหลักฐานหรือเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง
ควรต้องรอผลพิสูจน์ต่อไปครั้งนี้ก็ต้องรอ แต่ยังไม่ข่าวได้คืบหน้าเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว เรื่องนี้ต้องติดตามต่อไป เพราะ ถ้าหากมีบุคคลนี้ได้ทำการแบบนี้อีกทีก็ต้องเป็นพิษต่อสังคม อย่าให้มันได้เกิดอีก ต้องทำการให้เด็ดขาด

วันที่เรียกตัวและหมายศาลที่ให้กับตัวบุคลากรดังกล่าว เพราะ การที่ทำให้การศึกษาต้องได้เสียระบบกับคนเดียวมันไม่ใช้เรื่อง ที่จะทำกัน เพราะเงินที่ขอไปเป็นทุนแต่กลับเอามาใช้เอง ซี่งเป็นความตามกฎหมายที่กว่ามาไว้ ข่าวแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแต่กลับไม่มีคนได้ร้องทุกข์ หรืออาจจับไม่ได้เลยก็ว่าได้
เป็นข่าวส่วนน้อยที่จะออกมาได้บ่อยครั้ง เพราะการที่มีข่าวแบบนี้อาจทำให้วิทยาลัยได้เสื่อมเสียกัน เลยไม่ค่อยจะออกมายอม หรือได้มีการปล่อยข่าวที่แน่ชัดเป็นอย่างมากก็ว่าได้

ลิเวอร์พูล&สเปอร์ส 2-1

ลิเวอร์พูล&สเปอร์ส 2-1 แมตที่ดุเดือดอีกแมตที่ทำให้ได้ลุ้นแบบสุดๆ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมได้มีการแข่งขันทีมฟุตบอล ลิเวอร์พูล&สเปอร์ส เกมส์ที่ผ่านมาเอาแทบเชียดกันเลยที่เดียว ด้วยสกอร์ 2-1

สนาม : แอนฟิลด์

ลิเวอร์พูล&สเปอร์ส 2-1 เจอร์เก้น คล็อปป์
เกมนี้ส่งไอ้หนู รีส วิลเลี่ยมส์ ยืนเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ ฟาบินโญ่
ส่วนสามประสานแนวรุกยังเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่ 

    ส่วนทางฝั่ง โชเซ่ มูรินโญ่ วางแฮร์รี่ เคน เป็นหน้าเป้าโดยมี ซน ฮึง-มิน
และสตีเว่น เบิร์กไวจ์น คอยปั้นเกมสนับสนุน   

ออกสตาร์ทเกมครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น “หงส์แดง” ที่เปิดฉากบุกเข้าใส่ก่อนเลย
นาที 12 เกือบได้ลุ้นหลัง ไวจ์นัลดุม เรียกฟรีคิกได้ก่อนที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
จะเปิดโค้งเข้าไปให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ขึ้นโขกแต่บอลยังไม่ห่างมือ อูโก้ โยริส รับไว้ได้

:อาร์เซน่อล ปะทะกับ เบิร์นลีย์ 0-1

    นาที 22 เจ้าบ้านเกือบได้ลุ้นขึ้นนำอีกครั้ง คราวนี้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
หลุดเข้าไปในกรอบทางซ้ายก่อนตบเข้ากลางมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
วิ่งมาซัดด้วยซ้ายแต่บอลไม่ตรงตัว อูโก้ โยริส รับเข้ามือไว้ได้

    เกมรุกเจ้าถิ่นยังดุดัน นาที 29 เคอร์ติส โจนส์ ที่เล่นได้โดดเด่นลากบอลเข้าไปซัดด้วยขวาแต่บอลพุ่งเลียดไปเข้ามือ อูโก้ โยริส

    นาที 33 แฟนบอล “เดอะ ค็อป” ต้องเงียบกริบ หลังโอกาสครั้งเดียวของ
สเปอร์ส มาทวงประตูตีเสมอ 1-1 บอลสวนกลับเร็วจาก โจวานนี่ โล เซลโซ่
แทงออกซ้ายให้ ซน ฮึง-มิน หลุดเข้าไปซัดผ่านมือ อลีสซง เข้าไปไม่พลาด
แม้แข้งหงส์แดงจะฟ้องว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าของ ซน ฮึง-มิน แต่แอนโธนี่ เทย์เลอร์หลังเช็กกับทีมวีเออาร์ปรากฎว่าดาวยิงเลือดโสมไม่ล้ำหน้าเนื่องจากขึ้นมาในระนาบเดียวกับขาของ รีส วิลเลี่ยมส์ 

ลิเวอร์พูล&สเปอร์ส 2-1
ลิเวอร์พูล&สเปอร์ส 2-1

    นาที 41 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสั แทงบอลขึ้นหน้าเข้ากรอบไปให้ ซาดิโอ มาเน่ ก่อนเบียดเข้าไปซัดด้วยขวาแต่บอลยังพุ่งเลียดไปเข้ามือนายด่านไก่เดือยทอง

จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เสมอกับ สเปอร์ส 1-1

    กลับมาบู๊ต่อในครึ่งหลัง และแค่นาที 47 เจ้าบ้าน
เกือบโดนแซงนำหลัง รีส วิลเลี่ยมส์ โขกบอลผิดเหลี่ยมกลายเป็นส่งให้ สตีเว่น เบิร์กไวน์ หลุดเข้าไปก่อนเบียดกับ
เทรนท์ อาร์โนลด์ แล้วยิงด้วยขวาหลุดกรอบไป

    กลายเป็นสเปอร์สที่โหมบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง นาที 50 แฮร์รี่ เคน
พยายามยิงข้ามหัว อลีสซง แต่นายด่านหงส์แดงยังตาไว ดีดตัวถอยหลังปัดบอลออกไปหวุดหวิด

    นาที 57 “หงส์แดง” เกือบพลิกขึ้นนำเช่นกันหลัง ซาลาห์ ได้โอกาส
ซัดด้วยซ้ายนอกกรอบบอลพุ่งตกพื้นจน อูโก้ โยริส ต้องปัดออกไป

    นาที 63 สเปอร์ส พลาดโอกาสแซงขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย
หลังแฮร์รี่ เคน เทกตัวโขกให้ ซน ฮึง-มิน
เช็ดบอลต่ออีกทีให้ สตีเว่น เบิร์กไวจ์น หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาบอลหนีมือ อลีสซง ไปแล้วแต่ไปชนเสา

    และจากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม ซน ฮึง-มิน เปิดมาในกรอบ 6 หลา
แฮร์รี่ เคน โขกบอลกดพื้นกระดอนข้ามคานออกไปแบบได้เสียว

    เกมแลกกันสนุก นาที 67 มาเน่ ไหลบอลต่อให้ ฟีร์มีโน่ ตะบันด้วยขวาไปเข้ามือ
อูโก้ โยริส อีกสองนาทีต่อมา ซาลาห์ ได้ยิงในกรอบแต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือนายด่านไก่เดือยทอง

    นาที 73 ลิเวอร์พูล ทิ้งโอกาสทองในการขึ้นนำหลัง เคอร์ติส โจนส์ จ่ายทะลุให้
ซาดิโอ มาเน่ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบบอลไปติดมือ โยริช ก่อนพุ่งไปแฉลบคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

    นาที 79 สเปอร์ส เกือบแซงขึ้นนำหลังบอลจาก ซิสโซโก้ แทงทะลุให้ แฮร์รี่ เคน
หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปั่นด้วยขวาถากเสาออกไป

    แต่แล้วในช่วงนาทีสุดท้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสบอลมาให้
โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โขกเข้าไปเป็นประตูให้ ลิเวอร์พูล แซงนำสเปอร์ส 2-1

    จบเกม ลิเวอร์พูล เฉือนเอาชนะ สเปอร์ส ช่วงนาทีสุดท้าย 2-1 เก็บสามแต้ม
พร้อมแซงขึ้นนำจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆ มี 28 คะแนนทิ้งอันดับสองอย่าง ไก่เดือยทองที่มีแค่ 25 คะแนน

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        ลิเวอร์พูล (4-3-3)

  • อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
  • รีส วิลเลี่ยมส์
  • ฟาบินโญ่
  • แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
  • จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม
  • เคอร์ติส โจนส์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์
  • โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่
  • ซาดิโอ มาเน่

        ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์ 

        สเปอร์ส (4-2-3-1) : 

  • อูโก้ โยริส – แซร์ช โอริเย่ร์
  • โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์
  • เอริก ดายเออร์
  • เบน เดวิส  – มูสซ่า ซิสโซโก้
  • ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก – สตีเว่น เบิร์กไวจ์น (เซร์คิโอ เรกีล่อน น.76)
  • โจวานนี่ โล เซลโซ่ (ลูคัส มูร่า น.58)
  • ซน ฮึง-มิน (เดเล่ อัลลี่ น.87) – แฮร์รี่ เคน

        ผู้จัดการทีม : โชเซ่ มูรินโญ่ 

        ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์

อาร์เซน่อล ปะทะกับ เบิร์นลีย์ 0-1

อาร์เซน่อล ปะทะกับ เบิร์นลีย์ 0-1

อาร์เซน่อล ปะทะกับ เบิร์นลีย์ 0-1 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม คืนที่ผ่านมา เป็นการปะทะกันได้อย่างมันส์ ตามแมต ทำให้ทีมที่น่าเป็นห่วงอย่างอาร์เซน่อลที่ยังหลังท้ายตีแต้มทำสกอร์ไม่ได้ทำให้ทีมนี้น่าเป็นห่วงอย่างมาก ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

“ไอ้ปืนใหญ่” อาการหนักหลังต้องเล่นแค่ 10 คนหลัง กรานิต ชาคา
โดนใบแดงก่อนจะพ่ายคารังให้ เบิร์นลี่ย์ 0-1 ทำสถิติแพ้ในบ้าน 4 เกมติดแล้ว

อาร์เซน่อล ปะทะกับ เบิร์นลีย์ 0-1 แถมเป็นความพ่ายแพ้นัดที่ 7 ของฤดูกาลหลังเล่นไปแค่ 12 นัด รั้งอันดับ 15 ส่วนเบิร์นลี่ย์ ชนะเป็นเกมที่ 2 ขึ้นมารั้งอันดับ 17 ของตาราง ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

:ประเด่นร้อนแรงของเล่านักเตะพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วีกที่ 12 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม
ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 15
ซึ่งแพ้คาบ้านมา 3 เกมติด ล่าสุดบุกไปพ่าย
สเปอร์ส 0-2 เกมนี้เฝ้ารังรับการมาเยือนของ
เบิร์นลี่ย์ ทีมอันดับ 18 ที่ผลงานล่าสุดเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 1-1

    ออกสตาร์ทครึ่งแรก นาที 12 “ปืนใหญ่” เกือบได้ชิงขึ้นนำไปก่อนหลัง
โอบาเมย็อง เปิดมาเสาไกลให้ วิลเลี่ยน โขกตั้งเข้ากลางให้
ลากาแซ็ตต์ วอลเลย์หวืดบนชุลมุนก่อนเข้าทาง บูคาโย่ ซาก้า ซัดไปติดบล็อค บอลปลิ้นมาเข้าทาง โอบาเมย็อง ตามซ้ำด้วยขวาไปแฉลบแนวรับเบิร์นลี่ย์ออกหลังอีก

    อีก 2 นาทีถัดมา เบิร์นลี่ย์ ทิ้งโอกาสทองขึ้นนำเช่นกันหลัง ร็อบบี้ เบรดี้
ครอสมาเสาสองให้ คริส วู้ด โขกเล่นทางแต่บอลถากเสาออกไปชนิดได้เสียว

นาที 20 บูคาโย่ ซาก้า ครอสบอลเร็วเข้ากลางประตูให้ ร็อบ โฮลดิ้ง ที่เติมขึ้นมาโขกเหินคานออกไปนิดเดียว

    อีกครั้งที่ไอ้ปืนใหญ่เกือบได้ลุ้นขึ้นนำในนาทีที่ 27 บอลจากด้านซ้ายของ
เอ็คตอร์ เบเยริน ปาดมากลางประตูให้ อเลซ็องด์ร ลากาแซ็ตต์
แปไม่ถึง 6 หลาแต่บอลยังพุ่งไปติดเซฟของ นิค โพ๊พ

    จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล ยังทำอะไรเบิร์นลี่ย์ไม่ได้เสมอกัน 0-0

    ครึ่งหลัง นาที 50 โอกาสของปืนใหญ่มีอีกหลัง โอบาเมย็อง กระชากเข้ากรอบแล้วปาดเลียดให้ คีแรน เทียร์นี่ย์
ซัดด้วยขวาแต่ยังไปเข้ามือ นิค โพ๊พ อีกนาทีต่อมา โอบาเมย็อง ได้โขกกลางประตูแต่บอลยังเบาไปแล้วไปเข้ามือนายด่านเบิร์นลี่ย์อีกหน

 นาที 52 เจ้าบ้านเปิดเกมรุกต่อเนื่อง คราวนี้ วิลเลี่ยน
ครอสมาให้ บูคาโย่ ซาก้า หุบเข้ามาแปบอลไปติดเซฟของ นิค โพ๊พ ปัดออกหลังประตู

    นาที 57 กรานิต ชาคา ห้องเครื่องของปืนใหญ่ โดนใบเหลืองหลังเข้าไปมีปากเสียงทะเลาะกับแข้งของเบิร์นลี่ย์
ทว่าหลังมีสัญญาณจากห้อง VAR กลายเป็นว่า ชาคา
มีเจตนาไปบีบคอทำร้าย แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด และหลังจาก เกรแฮม สกอตต์
ผู้ตัดสินวิ่งไปดูจากจอข้างสนามก็วิ่งกลับมาแจกใบแดงไล่ ชาคา ออกจากสนามแทน ทำให้ อาร์เซน่อล ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน

     แม้เจ้าบ้านตัวจะน้อยกว่า แต่ยังเปิดเกมรุกเข้าใส่ นาที 64 เกือบได้ลุ้นขึ้นนำ
เบเยริน ไหลออกขวาให้ โอบาเมย็อง กึ่งยิงกึ่งผ่านไปเสาแรกจน นิค โพ๊พ ต้องทุบบอลออกไป

    นาที 69 โอบาเมย็อง หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปก่อนจะพยายามชิพบอลข้ามหัว
ทว่า นิค โพ๊พ ยังไวปัดปลายมือไว้ได้อย่างหวุดหวิด อีกนาทีถัดมา เบิร์นลี่ย์
สวนกลับทันควันก่อนได้ลุ้นจาก แอชลี่ย์ บาร์นส์ แต่บอลก็เหินคานออกไป

    นาที 72 เบิร์นลี่ย์ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะเตะมุมทางด้านซ้าย
แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด เปิดมาเสาแรก จอช บราวน์ฮิลล์ แย่งขึ้นโขกแต่บอลไปโดน
โอบาเมย็อง จังหวะสุดท้ายเปลี่ยนทางเสียบเสาไกลเข้าไป

    ช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เซน่อล ไม่สามารถทวงประตูตีเสมอได้
จบเกมแพ้คาบ้านให้ เบิร์นลี่ย์ 0-1 ทำสถิติแพ้คารังเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกัน

        รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : 

  1. แบร์นด์ เลโน่ – เอ็คตอร์ เบเยริน
  2. (เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส น.74)
  3. ร็อบ โฮลดิ้ง
  4. กาเบรียล มากัลเญส
  5. คีแรน เทียร์นี่ย์ – โมฮาเหม็ด เอลเนนี่
  6. กรานิต ชาคา (ใบแดง น.58)
  7. วิลเลี่ยน (เอ็ดเวิร์ด เอ็นเคเทียห์ น.82)
  8. อเลซ็องด์ร ลากาแซ็ตต์ (ดานี่ เซบายอส น.60)
  9. บูคาโย่ ซาก้า – ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง  

        ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า 

        เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) : 

  • นิค โพ๊พ – แม็ทธิว โลว์ตัน
  • เจมส์ ทาร์คอฟสกี้
  • เบน มี
  • ชาร์ลี เทย์เลอร์ – ร็อบบี้ เบรดี้
  • แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด
  • จอช บราวน์ฮิลล์
  • ดไวท์ แม็คนีล – คริส วู้ด (มาเตจ์ วีดร้า น.70)
  • เจย์ โรดริเกซ (แอชลี่ย์ บาร์นส์ น.59)

        ผู้จัดการทีม : ฌอน ไดช์   

        ผู้ตัดสิน : เกรแฮม สกอตต์

ประเด่นร้อนแรงของเล่านักเตะพรีเมียร์ลีก

ประเด่นร้อนแรงของเล่านักเตะพรีเมียร์ลีก ก่อนมาพบกันระหว่างแมนฯ ยูไนเต็ด กับ เมนฯ ซิตี้ เราจะพาท่านไปดูประเด็นและโอกาศก่อนที่ทั้ง 6 ทีมจะมาพบกันที่สนาม ก่อนที่จะแข่งแม็ทที่ใกล้จะถึงนี้ และ อีกหลายๆ ทีมที่หลายคนรอค่อยกัน ก่อนที่จะลงแข่งแต่แม็ท

: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด&เวสต์แฮม 3-1

เข้าสู่ช่วงเดือนธันวาคม กับโปรแกรมการแข่งขันแบบถี่ยิบ โดยสัปดาห์นี้มีบิ๊กแมตช์
ที่สองสนาม ทั้ง แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ และ ที่สนามกูดิสัน พาร์ค เอฟเวอร์ตัน
พบ เชลซี ส่วนคู่อื่นๆ
มีใครแข่งและมีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันได้เลย ประเด่นร้อนแรงของเล่านักเตะพรีเมียร์ลีก

ประเด่นร้อนแรงของเล่านักเตะพรีเมียร์ลีก

 คู่วันเสาร์ เวลาเที่ยงคืนครึ่ง ศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ “ยูไนเต็ด” ปะทะ “ซิตี้”

    ในบรรดาผู้จัดการทีมที่เผชิญหน้ากับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อย่างน้อย 4 ครั้ง
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คือกุนซือที่มีอัตราการชนะ เป๊ป มากที่สุดถึง 60%
โดยเอาชนะได้ 3 จาก 5 ครั้งที่เจอกัน

 อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล มีโอกาสเป็นผู้เล่นของ “ปีศาจแดง” คนแรกที่สามารถทำประตู
ในเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ได้ 3 นัดติดต่อกันต่อจาก เอริค คันโตน่า
อดีตกองหน้าระดับตำนานของทีมที่เคยทำไว้ 5 เกมติด ช่วงระหว่างเดือนมีนาคม ปี 1993 ถึงเดือนเมษายนปี 1996

    ราฮีม สเตอร์ลิง ยังไม่สามารถทำประตู “ปีศาจแดง” ได้เลยในการลงเล่น 16 นัด
ในศึก พรีเมียร์ลีก ทั้งที่มีโอกาสทำประตูถึง 29 ครั้ง

    “เอฟเวอร์ตัน-เชลซี”

ประเด่นร้อนแรงของเล่านักเตะพรีเมียร์ลีก

 เอฟเวอร์ตัน มองหาชัยชนะเหนือ เชลซี ในบ้าน เกมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012

    “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” แพ้ในบ้านตัวเองมาแล้ว 2 เกมติดต่อกัน ซึ่งนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
ปี 2016 พวกเขาไม่เคยแพ้คารัง 3 เกมซ้อน
ขณะเดียวกัน คาร์โล อันเชล็อตติ ก็ไม่เคย
คุมทีมแพ้คาบ้าน 3 นัดติดมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2006 สมัย
ที่เขายังคุม เอซี มิลาน ใน กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

    สำหรับการเจอกับอดีตผู้จัดการทีมของพวกเขา เชลซี ไม่แพ้เกมลีกมา 8 นัด และแพ้แค่
5 จาก 34 นัดในทุกการแข่งขัน (ชนะ 21 เสมอ 8)

    โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มีโอกาสทำสถิติเทียบเท่าสถิติของสโมสรในเรื่องการทำประตู 7 เกมติดต่อกันในการลงเล่นเป็นตัวจริง
โดยสถิติเดิมเป็นของ มาร์ค สตีน ที่ทำไว้ฤดูกาล 1993/94

    “คริสตัล พาเลซ-สเปอร์ส”

ประเด่นร้อนแรงของเล่านักเตะพรีเมียร์ลีก

ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไม่แพ้ต่อ คริสตัล พาเลซ 10 เกมหลังสุดที่เจอกันใน พรีเมียร์ลีก
โดยสามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 8 เกมด้วยกัน

    โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ “ไก่เดือยทอง” มีอัตราการชนะ 64% ในการลงคุมทีมเกมลอนดอน ดาร์บี้
ซึ่งเป็นตัวเลขมากที่สุดสำหรับผู้จัดการทีมที่เคยคุมเกม ลอนดอน ดาร์บี้ อย่างน้อย 20 นัด

    “ปราสาทเรือนแก้ว” ทำประตูอย่างน้อย 4 ลูกใน 2 จาก 4 เกมหลังสุดในศึก
พรีเมียร์ลีก
ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ รอย ฮอดจ์สัน คุมทีม 117 นัดเคยทำได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น

    คริสติย็อง เบนเตเก้ เพิ่งจัด 2 ประตูในเกมกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนเมื่อเกมก่อน
ซึ่งประตูจำนวนนั้นเทียบเท่ากับ 31 นัดก่อนหน้านี้ โดยหัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยมไม่เคยทำประตูสองเกมติดอีกเลยนับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2017

    “ฟูแล่ม-ลิเวอร์พูล”

14 เกมที่ ฟูแล่ม เจอกับ ลิเวอร์พูล ที่สนามคราเว่น คอตเทจ ไม่มีเกมไหนเลยที่ลงเอย
ด้วยผลเสมอ
โดยเจ้าถิ่นชนะได้ 5 ครั้ง และ “หงส์แดง” บุกคว้าชัย 9 นัด

    อันเดร-แฟร้งค์ อ็องกีส์ซ่า มิดฟิลด์ห้องเครื่องของ “เจ้าสัวน้อย” เป็นผู้เล่นที่มีสถิติ
เลี้ยงหลบคู่แข่งมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ตอนนี้ ที่จำนวน 38 ครั้ง 

    ลิเวอร์พูล ชนะทีมน้องใหม่ได้ทั้ง 18 นัดหลังสุด ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดรองจาก เชลซี
ที่เคยทำไว้ 27 นัดช่วงระหว่างเดือนตุลาคม ปี 2002 ถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2006

    นับตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาล 2017/18 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูไปแล้ว 82 นัด
จากการลงสนาม 118 นัดในเกมลีก เหนือกว่าผู้เล่นคนไหนๆ อย่างไรก็ตาม
เจ้าตัวเพิ่งทำประตูได้แค่ลูกเดียวเท่านั้นในการมาเยือนทีมในกรุงลอนดอน 12 นัด ซึ่งประตูเดียวที่เกิดขึ้นคือการยิงใส่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

    “อาร์เซน่อล-เบิร์นลี่ย์”

อาร์เซน่อล มีสถิติเจอกับ เบิร์นลี่ย์ ดีเอามากๆ เมื่อเล่นในบ้านเอาชนะได้ทั้งหมด 9 นัด
จากทุกรายการ

    ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ทำประตูใส่ เบิร์นลี่ย์ ในเกมพรีเมียร์ลีก มากที่สุดเหนือ
กว่าทุกๆ ทีม หลังซัดไป 7 ลูกจาก 5 เกม
โดยเจ้าตัวสอยตาข่ายได้ทั้งหมด 3 เกม ที่เจอกับ
“เดอะ คลาเร็ตส์” ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

    ฌอน ไดซ์ เอาชนะคู่แข่งในเกม
พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 27 จาก 29 ทีม โดยมีแค่
อาร์เซน่อล กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เท่านั้นที่เขาไม่เคยคว้าชัยได้

    เบิร์นลีย์ ทำประตูได้แค่ 5 ลูกจาก 10 เกมใน
พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ โดยเป็นหนึ่ง
ในสองทีมร่วมกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ทำได้ 5 ลูกหรือน้อยกว่า

    “เลสเตอร์ ซิตี้-ไบรท์ตัน”

อารมณ์และความแปรปรวนของร่างกาย

อารมณ์และความแปรปรวนของร่างกาย เป็นสิ่งที่ทุกวัยที่กำลังเจริญเติบโตในวัยแต่วัยไปตามแต่ละอารมณ์และสถานะการของแต่คน ที่เกิดจากสภาวะที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อมนั้นๆ อารมณ์และความแปรปรวนของร่างกาย ของร่างกายแต่ละคนต่างกันไป ขึ้นอยู่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา ที่ได้เจอมากกว่า อารมณ์นั้น เกิดได้สภาวะร่างกายและสิ่งแวดล้อมที่ได้เจอมากับทำให้เราแสดงถึงว่าเรามีอาการนั้นๆ ออกมา

:อาการเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า

อารมณ์ดีมีความสุข

ดูจะเป็นอารมณ์ที่เราพึงปรารถนาที่สุดแล้ว เมื่อเราอารมณ์ดีมีความสุข ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนกลุ่มความสุขออกมา
การที่ร่างกายอยู่ในช่วงมีความสุขจะเป็นช่วงที่ผ่อนคลาย ความเครียดลดลง การไหลเวียนโลหิตช้าลง และในบางครั้งอาจขาดสมาธิ เหม่อลอยได้ ฮอร์โมนกลุ่มความสุขที่ร่างกายผลิตออกมา ได้แก่

  • เอ็นโดรฟิน (Endorphin) หลั่งออกมาจากต่อมใต้สมอง ที่จะหลั่งออกมาเมื่อเรามีความสุข พึงพอใจ หรืออยู่ในช่วงที่ผ่อนคลาย
  • โดพามีน (Dopamine) เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจ รักใคร่ ยินดี หลั่งออกมาจากสมองร่วมกับเซลล์ประสาทในร่างกาย ซึ่งจะมีความเกี่ยวเนื่องกับระบบประสาทหลายส่วน อย่างไรก็ดี
    โดพามีนสัมพันธ์โดยตรงกับอาการซึมเศร้า หากร่างกายมีโดพามีนน้อยเกินไป ก็อาจพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้า โรคทางจิตเวชที่ต้องรักษา
  • เซโรโทนิน (Serotonin) เป็นฮอร์โมนที่ต้านความเครียด หลั่งจากสมองและทางเดินอาหาร
    จึงมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ อารมณ์ พฤติกรรม รวมถึงการนอนหลับ ซึ่งถ้าระดับฮอร์โมนต่ำจะมีผลต่ออารมณ์โดยตรง หงุดหงิด นอนไม่หลับ ปวดหัว
อารมณ์และความแปรปรวนของร่างกาย

อารมณ์โกรธ

เมื่อเรามีอารมรณ์โกรธร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenanaline) หรืออิพิเนฟริน (Epinephrine) หลั่งมาจากต่อมหมวกไต ฮอร์โมนชนิดนี้เป็นฮอร์โมนที่เรียกได้ว่าเป็นสารแห่งความโกรธ ทำให้ร่างกายเปลี่ยนเข้าสู่โหมดป้องกันตนเองในภาวะฉุกเฉิน

ทำให้กล้ามเนื้อหลอดเลือดหัวใจทำงานอย่างเต็มที่ หัวใจบีบตัวมากขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น ความดันเลือดสูงขึ้น
ซึ่งถ้าเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธให้หายเร็ว ๆ ร่างกายจะตอบสนองด้วยอาการเดียวกันกับความเครียด มีอาการปวดหัว ปวดตา จนทำให้ระบบการทำงานของร่างกายทำงานผิดปกติ

อารมณ์และความแปรปรวนของร่างกาย

อารมณ์กลัว

อาการกลัวหรือตกใจ เป็นอารมณ์ที่ตอบสนองภัยคุกคามของสิ่งมีชีวิต มักเกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราวเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสมองและการทำงานของอวัยวะ
อันที่จริงความกลัวหากไม่ได้เป็นมากขนาดอาการโฟเบีย (Phobia) ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็ว เลือดสูบฉีดดีขึ้น

แต่อาการกลัวที่มากเกินไป ส่งผลเสียต่อร่างกายค่อนข้างมาก ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ อาจเกิดภาวะช็อก
หรือชาไปทั่วร่างกาย หายใจหอบ จิตใจสับสน ขาแข้งอ่อนแรง รู้สึกเพลียได้ นอกจากนี้ยังมีต่อการทำงานของไตและกระเพาะปัสสาวะ
เนื่องจากอารมณ์กลัวจะมีผลให้การพยุงเหนี่ยวรั้งน้อยลง กลั้นปัสสาวะ อุจจาระไม่อยู่ ซึ่งสามารถพบได้เมื่อคนเราตกใจกลัวมาก ๆ ทำให้ปัสสาวะราดนั่นเอง

อารมณ์วิตกกังวล

หรือความเครียด อารมณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในภาวะกดดัน เครียด มีเรื่องให้ต้องคิดมากและวิตกกังวล ต่อมหมวกไตจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ยิ่งเรามีอารมณ์เครียดมากเท่าไร ฮอร์โมนตัวนี้จะถูกกระตุ้นให้หลั่งมากขึ้น
การทำงานของคอร์ติซอลจะกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองต่อภาวะอักเสบ ความเจ็บปวด เมื่อคอร์ติซอลมากผิดปกติ การควบคุมระดับน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ก็จะผิดปกติตาม

ที่สำคัญคอร์ติซอลกระตุ้นให้ตับสร้างน้ำตาลมากขึ้น เพราะในภาวะเครียด ร่างกายจะต้องการพลังงานมากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้เรากินเยอะ
หิวบ่อย มีผลให้น้ำหนักขึ้นได้ง่ายมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเราอยู่ในภาวะกดดัน เครียด ระบบการทำงานต่าง ๆ
ในร่างกายแปรปรวน โดยเฉพาะระบบย่อยอาหาร ทำให้เบื่ออาหาร
อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ระบบประสาท ที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย ระบบขับถ่าย ระบบสืบพันธุ์ ระบบกล้ามเนื้อ

อารมณ์เศร้า เสียใจ

เมื่อชีวิตพบกับเรื่องผิดหวัง อารมณ์เศร้าหรือเสียใจเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ มีผลทำให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกาย บางคนกินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงทำให้เกิดภาวะอ่อนเพลีย
เหนื่อยล้าตามมา แต่บางคนกลับมีอารมณ์ตรงกันข้าม คือ กินมากกว่าปกติ อาจกินเพื่อให้ลืมหรือเพื่อประชดก็ตามแต่ ซึ่งเมื่อมีผลต่อการกิน ก็จะมีผลต่อระบบขับถ่ายด้วย

อารมณ์เสียใจมักมาพร้อมกับการร้องไห้และท่าทางอยู่ในลักษณะคอตก ทำให้การหายใจและการทำงานของปอดลดลง ที่มีผลต่อกล้ามเนื้อบริเวณซี่โครง ที่ทำหน้าที่ยืดหดเมื่อหายใจเข้าออก
ที่ช่วยให้ปอดขยายเต็มที่ จึงทำให้มีอาการหายใจไม่อิ่ม แน่นหน้าอก ออกซิเจนในเลือดลดลง นอกจากนี้สภาพจิตใจในภาวะหดหู่ ซึมเศร้า อาจนำไปสู่โรคทางจิตเวช หรือการฆ่าตัวตายได้

ความกลัวกังวลเป็นอารมณ์ความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์ มีส่วนสำคัญในวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์เพราะความกลัวนั้นบ่อยครั้งนำมาซึ่งพฤติกรรมการต่อสู้หรือการหลีกหนี และความรู้สึกกังวลก็ทำให้เราคิดวางแผนเตรียมตัวในการเผชิญกับสถาณการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต แต่หากความกลัวกังวลอยู่ในระดับที่มากเกินไป นานเกินไป จนเกิดความทุกข์ทรมานและเกิดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต นั่นอาจเป็นสัญญานเตือนของโรควิตกกังวลได้

“ความกลัว” คืออารมณ์ตอบสนองต่อภัยคุกคามที่คนคนนั้นรู้จักแจ่มแจ้งทันที เช่น กลัวสัตว์ กลัวเลือด กลัวที่แคบ เป็นต้น
“ความกังวล” มีลักษณะเป็นความรู้สึกความคิดไม่สบายใจหวาดหวั่นกระวนกระวายร่วมกับอาการของระบบประสาทอัตโนมัติที่ทำงานแปรปรวน เช่น ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม เหงื่อแตก วิงเวียน ท้องไส้ปั่นป่วน

ร่วมกับความตึงเครียดของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆที่พบบ่อย คือปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดหลัง เป็นต้น
ความรู้สึกเหล่านี้เป็นการตอบสนองต่อภัยคุกคามที่ไม่รู้แน่ชัดขัดแย้งกันอยู่ข้างใน เช่น ความกังวลต่อการเรียน ความสัมพันธ์ ความเจ็บป่วย เป็นต้น

ตามกฏของ Yerkes-Dodson หากความเครียดกังวลค่อยๆเพิ่มขึ้นในระดับที่เหมาะสมอาจส่งผลดีให้คนคนนั้นสามารถแสดงสมรรถนะออกมาได้มากขึ้น แต่หากความเครียดกังวลสูงมากเกินไป ความสามารถ พฤติกรรม สมรรถภาพต่างๆก็จะลดลงมาก

ดังเช่นผู้ป่วยโรควิตกกังวลหลายๆคนก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่นเหมาะสม มีประสิทธิภาพในการเรียนการทำงานหรือการใช้ชีวิตที่ลดลงต่ำกว่าความสามารถจริงของตน เมื่อสิ่งกระตุ้นความกลัวกังวลเกิดขึ้น สมองของคนที่มีพันธุกรรมของโรควิตกกังวล

คนที่มีนิสัยขี้กังวล หรือคนที่ประสบเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตอาจตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นนั้นๆอย่างผิดปกติ เช่นศูนย์ความกลัว (amygdala) ที่ทำงานมากเกิน
หรือสมองส่วนความคิดเหตุผล (prefrontal cortex) ที่ทำงานไม่ดี
มีความแปรปรวนของสารสื่อประสาทในสมองที่เกี่ยวข้องกับระบบกลัวกังวลเช่น norepinephrine, serotonin, GABA เป็นต้น

ส่งผลให้เกิดความรู้สึกและความคิดกังวลที่หลากหลาย นอกจากนั้นระบบนี้ยังส่งสัญญานเตือนภัยเชื่อมโยงไปยังระบบอื่นๆของร่างกายผ่านทางเส้นประสาท vagus ไปที่หัวใจ ปอด ทางเดินอาหาร หรือระบบอื่นๆของร่างกาย

เกิดเป็นอาการทางกายที่ทุกทรมานจากความกังวลขึ้น สุดท้ายความเครียดกังวลเรื้อรังจะกระทบต่อวงจรฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองและต่อมหมวกไต ย้อนกลับส่งผลไม่ดีต่อการทำงานของเซลล์สมอง ระบบหัวใจและหลอดเลือด หรือระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

อาการเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า

อาการเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า อาการที่เราคิดว่าอาจเป็นโรคซึมนั้นมันมีสาเหตุผลที่เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะเกิดจากครอบครัว และสิ่งรอบข้างเพื่อกดดันเรา ทำให้เกิดสภาวะการตึงเครียดแล้วเกิดการเครียดสระสม อาการเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า นั้นอาจมีหลายสาเหตุก็ได้ อาจเกิดมาจากพันธุกรรมที่สืบกันมาแล้วเกิดภาวะเกิดความกดดันต่อกัน ทำให้เกิดสภาวะดิ่งลง หรืออาการจิตตกของคนที่มีอาการเสี่ยงเป็นป่วยเป็นโรคซึ่มเศร้า

:หนุ่มคลั่งไล่แทงไปทั่ว จนมีคนเสียชีวิต

โรคซึมเศร้าคืออะไร

สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วคำว่าโรคซึมเศร้าฟังดูไม่คุ้นหู ถ้าพูดถึงเรื่องซึมเศร้าเรามักจะนึกกันว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากความผิดหวัง หรือการสูญเสียมากกว่าที่จะเป็นโรค ซึ่งตามจริงแล้ว ที่เราพบกันในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ ก็จะเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกธะรรมดาๆ ที่มีกันในชีวิตประจำวัน มากบ้างน้อยบ้าง

อย่างไรก็ตามในบางครั้ง ถ้าอารมณ์เศร้าที่เกิดขึ้นนั้น เป็นอยู่นานโดยไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
หรือเป็นรุนแรง มีอาการต่างๆ ติดตามมา
เช่น นอนหลับๆ ตื่นๆ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงมาก หมดความสนใจต่อโลกภายนอก

ไม่คิดอยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ก็อาจจะเข้าข่ายของโรคซึมเศร้าแล้ว คำว่า “โรค” บ่งว่าเป็นความผิดปกติทางการแพทย์ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาเพื่อให้อาการทุเลา ต่างจากภาวะอารมณ์เศร้าตามปกติธรรมดาที่ถ้าเหตุการณ์ต่างๆ

อาการเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า

รอบตัวคลี่คลายลง หรือมีคนเข้าใจเห็นใจ อารมณ์เศร้านี้ก็อาจหายได้ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านอกจากมีอารมณ์ซึมเศร้าร่วมกับอาการต่างๆ แล้ว การทำงานหรือการประกอบกิจวัตรประจำวันก็แย่ลงด้วย
คนที่เป็นแม่บ้านก็ทำงานบ้านน้อยลง หรือมีงานบ้านคั่งค้าง คนที่ทำงานนอกบ้านก็อาจขาดงานบ่อยๆ จนถูกเพ่งเล็ง เรียกว่าตัวโรคทำให้การประกอบกิจวัตรประจำวันต่างๆ บกพร่องลง

หากจะเปรียบกับโรคทางร่างกายก็คงคล้ายๆ กัน เช่น ในโรคหัวใจ ผู้ที่เป็นก็จะมีอาการต่างๆ ร่วมกับการทำอะไรต่างๆ
ได้น้อยหรือไม่ดีเท่าเดิม ดังนั้น การเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่า
ผู้ที่เป็นเป็นคนอ่อนแอ คิดมาก หรือเป็นคนไม่สู้ปัญหา เอาแต่ท้อแท้ ซึมเซา แต่ที่เขาเป็นนั้นเป็นเพราะตัวโรค

กล่าวได้ว่าถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม โรคก็จะทุเลาลง เขาก็จะกลับมาเป็นผู้ทีจิตใจแจ่มใส พร้อมจะทำกิจวัตรต่างๆ ดังเดิม 
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก การเปลี่ยนแปลงหลักๆ จะเป็นในด้านอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม ร่วมกับอาการทางร่างกายต่างๆ ดังจะได้กล่าวต่อไปกลับไปต้นฉบับ

ปัจจัยใหญ่ๆที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้แก่

  • พันธุกรรมหรือพื้นฐานดั้งเดิม มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคซึมเศร้า หรือมีลักษณะนิสัยเป็นคนอ่อนไหวง่าย คิดมาก มองโลกในแง่ลบ รวมถึงการมีสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล
  • สภาพแวดล้อมตั้งแต่เด็กจนโต เช่น การเลี้ยงดูของพ่อแม่ อิทธิพลจากคนใกล้ชิดรอบข้าง

โรคซึมเศร้าอาจเกิดจากการมีปัจจัยมากระตุ้นที่ทำให้เกิดความเครียดขึ้นมาก่อน หรืออาจเกิดขึ้นโดยไม่มีปัจจัยมากระตุ้น แต่กรณีนี้เกิดขึ้นได้น้อย

โรคซึมเศร้าทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยง ตามมามากมาย ตั้งแต่โรคทางกาย
เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไทรอยด์ โรคภูมิแพ้ 
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคสมองเสื่อม และโรคมะเร็ง
นอกจากนี้ผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้ายังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าคนปกติ เสียชีวิตจากสารเสพติด หรือแม้กระทั่งฆ่าตัวตาย

อาการเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า

ประเภทของโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ

  • โรคซึมเศร้าแบบขั้วเดียว คือ ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าอย่างเดียว
  • โรคซึมเศร้าแบบสองขั้ว หรือที่เรียกว่าไบโพลาร์ ผู้ป่วยมีอาการอารมณ์ขึ้นลงมากกว่าคนทั่วไปจนเกิดผลเสีย

อาการของคนเป็นโรคซึมเศร้า

หากคุณสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดเป็นโรคซึมเศร้า ให้สังเกตอาการดังต่อไปนี้ หากมีอย่างน้อย 5 อย่างหรือมากกว่าติดต่อกันอย่างน้อย 14 วันและมีอาการเหล่านี้อยู่เกือบทั้งวัน ถือว่าเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้า

  1. มีอารมณ์ซึมเศร้า (เด็กหรือวัยรุ่นอาจมีอาการหงุดหงิด โกรธง่าย)
  2. เบื่อ หมดความสนใจหรือความสุขในการทำกิจกรรมต่างๆ
  3. นอนไม่หลับ หรือ หลับๆตื่นๆหรือหลับมาก
  4. เหนื่อยง่าย หรือ ไม่ค่อยมีแรง
  5. เบื่ออาหาร หรือ กินมากเกินไป
  6. รู้สึกไร้ค่า รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง
  7. ไม่มีสมาธิหรือลังเลใจไปหมด
  8. พูดช้า ทำอะไรช้าลงหรือกระวนกระวาย ไม่อยู่นิ่ง
  9. มีความคิดอยากตาย คิดทำร้ายตัวเอง

การวินิฉัยโรคซึมเศร้า

นอกจากจะดูว่าผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวข้างต้นอย่างน้อย 5 ข้อเป็นเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 14 วันแล้ว แพทย์ยังต้องสอบถามรายละเอียดของอาการ และเรื่องราวจากผู้ป่วยหรือบางครั้งจากญาติใกล้ชิดร่วมด้วย
เพื่อให้เข้าใจผู้ป่วยและแน่ใจว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรคทางจิตเวชอื่นๆที่คล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้า รวมถึงสอบถามประวัติความเจ็บป่วยอื่นๆเพื่อดูว่าเป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าหรือไม่

การรักษาโรคซึมเศร้า

การรักษาหลักคือ การพูดคุยให้คำปรึกษา การทำจิตบำบัด รวมถึงการใช้ยาในกลุ่มแก้ซึมเศร้าหากมีความจำเป็น โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่รักษาได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอาการดีขึ้นจนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติและยิ่งมารับการรักษาเร็วเท่าไรอาการก็จะดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้รักษายากยิ่งขึ้น

ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยยาแก้โรคซึมเศร้า

ปัจจุบันยารักษาโรคซึมเศร้าเป็นยาที่ถือว่าปลอดภัย ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง ผู้ป่วยบางคนกลัวผลข้างเคียงจนไม่กล้ากินยาตามที่แพทย์สั่งจนครบ เพราะกลัวว่าจะติดยาหรือกลัวว่ายาทำให้มีอาการมึนงงไปหมด ความจริงแล้วยาแก้ซึมเศร้าไม่มีการติดยาและไม่ทำให้เกิดอาการมึนงงอย่างที่เข้าใจกัน

การป้องกัน

การป้องกันโรคซึมเศร้าทำได้โดยปฏิบัติหลักสุขศึกษา คือ

  • อาหาร ให้กินอาหารครบ 5 หมู่ หากขาดสารอาหารบางอย่างไปจะทำให้
    มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้น
  • การออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายสัปดาห์ละอย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์
  • ต่อเนื่องกัน 30-40 นาที เป็นการออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินเร็วก็ได้
  • การพักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องกาย ให้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่น ไม่ง่วงหรือยังเพลียอยู่
  • การทำสมาธิ (Mindfulness) เพื่อผ่อนคลายจิตใจ มีงานวิจัยมากมายพบว่าการทำสมาธิช่วยให้สมองผ่อนคลาย ลดความเครียดได้
  • การฝึกคิดบวก ป้อนความคิดทางบวกให้กับตัวเองอยู่เสมอเพื่อสร้างให้จิตใจมีความเข้มแข็ง เอาชนะอุปสรรคในชีวิตได้

หนุ่มคลั่งไล่แทงไปทั่ว จนมีคนเสียชีวิต

หนุ่มคลั่งไล่แทงไปทั่ว จนมีคนเสียชีวิต เกิดเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เมื่อมีหนุ่มได้มีอาากรคลั้ง แล้วได้ออกไปไล่แทงคนบนท้องถนน ตอนที่คนกำลังขี่รถผ่านไปมา หนุ่มวัย 31 ปี เกิดอาการคลั่งอย่างรุนแรงแล้วเกิดการหลอน ทำให้เกิกการระแวงไปทั่ว ทำให้เกิดมีผู้เสียชีวิต และ บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

:ดูแลเรื่องสุขภาพที่ดี ต้องดูแลยังไง

สะเทือนขวัญกลางเมืองอุดรธานี
วันนี้ (5 ธ.ค. 63) ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุ พบ
“ ชายคลั่งถือมีดไล่แทงชาวบ้าน ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายคน”

หนุ่มคลั่งไล่แทงไปทั่ว จนมีคนเสียชีวิต จากนั้น ตำรวจ พบคนร้ายถือมีดควงไปมา และพูดจาเพ้อเจ้อบริเวณหน้าร้านขายยาแห่งหนึ่ง ที่ 5 แยกหอฬิกา ทำให้ตำรวจและหน่วยกู้ภัย รวมทั้งชาวบ้านช่วยกันล้อมจับคุมตัวที่สอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี

เบื้องต้น ทราบชื่อ นายอิธิพล อิ่มผึ่ง อายุ 31 ปี ชาว อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานีและรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีส้ม หมายเลขทะเบียน กษร 7 อุดรธานี ให้การวกไปวนมาไม่รู้เรื่อง แต่จับใจความได้ว่า เสพยาบ้ามา 2 เม็ด จากนั้นชวนเพื่อนขี่รถจักรยานยนต์ มาเที่ยวงานประจำปีทุ่งศรีเมืองอุดรธานี และกำลังขี่รถเล่นไปรอบตัวเมืองอุดรธานี แต่ไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรลงไปบ้าง เพราะไม่รู้ตัวขณะที่ นายสุบิน (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี เพื่อนที่นั่งรถมาด้วยกัน ก่อนที่จะลงจากรถ เพราะเห็นเพื่อนคว้ามีดแทงคนอื่น

ให้การว่า เมื่อช่วงเช้า นายอิธิพล ไดขี่รถมาหาตนที่บ้าน ชวนไปเที่ยวงานประจำปีทุ่งศรีเมืองอุดรธานี หลังเดินเที่ยวเสร็จ
ได้ชวนกันกลับบ้าน แต่ นายอิธิพล ขี่จักรยานยนต์วนไปมา ไม่กลับบ้าน พอถึงสี่แยกไฟแดงหลังเรือนจำ เป็นจังหวะไฟแดง จึงจอดรถ
โดยตนเห็นเหมือนนายอิธิพลจะไปจับแก้มหญิงสาว ที่จอดรถจักรยานยนต์ติดไฟแดงข้างกัน 2 คน แต่หันมาอีกครั้ง ก็เห็นว่าเพื่อนใช้มีดพับแทงหญิงสาวทั้งสอง

ตนจึงได้กระโดดลงจากรถจักรยานยนต์ ส่วนนายอิธิพล ได้ขี่รถไล่แทงคนอื่นไปทั่วตามที่ปรากฏด้าน น.ส.กาญจนา อิ่มเทศ อายุ 32 ปี แม่ค้าขายปลาหมึกหลังเรือนจำ ซึ่งเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นหญิงสาวขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกัน จอดติดไฟแดง จากนั้นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ มีเพื่อนซ้อนท้ายมาด้วย ก่อนที่คนร้าย เอื้อมมือไปหยิบมีดที่พกอยู่ด้านหลัง เอามาแทงหญิงสาวทั้งสองคน

จากนั้นก็ขี่จักรยานยนต์หลบหนีไปจากนั้น พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ได้เดินทางมาสอบปากคำ นายอิธิพล โดย นายอิธิพล ให้การวกไปวนมา อ้างว่าเคยเข้ารับการรักษาโรคประสาทที่ รพ.ปราจีนบุรี เมื่อหลายปีมาแล้ว อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

หนุ่มคลั่งไล่แทงไปทั่ว จนมีคนเสียชีวิต
หนุ่มคลั่งไล่แทงไปทั่ว จนมีคนเสียชีวิต

ซึ่งแม้ว่าผู้ก่อเหตุจะอ้างว่าป่วยจิตเวช ก็ต้องพาตัวไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังกำชับเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานวงจรปิดตามจุดต่างๆ มาประกอบสำนวน พร้อมกำชับให้ตำรวจตรวจค้นอาวุธผู้เข้ามาเที่ยวงานประจำปีทุ่งศรีเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุเกิดซ้ำรอย.

ทั้งนี้ ชุดจับกุมของ สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ผลตรวจปัสสาวะของคนร้าย ในเบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่ทราบว่าคนร้าย เคยรักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ มีผู้เคราะห์ร้ายหลายร้าย ดังนี้

รายที่ 1 เป็นหญิงคือ น.ส.อัญชญา (สงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี
บริเวณลำคอได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณถนนศรีชมชื่น
หลังเรือนจำกลาง จ.อุดรธานี และได้เสียชีวิตในเวลาต่อไปมา

รายที่ 2 คือ น.ส.ชลดา (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี
ชาว ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี มีบาลแผลที่บริเวณลำคอ
และ เสียชีวิตอยู่บริเวณถนนสุรกาญจน์ ใกล้กับห้างท็อปเวิร์ลเก่า

  • รายชื่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
  • น.ส.แว่นทิพย์ วงวลัย อายุ 33 ปี
  • น.ส.ณัฐวดี โพธิ์พรม อายุ 17 ปี
  • น.ส.ปิยวรรณ กันยยาเยี่ยม อายุ 20 ปี
  • น.ส. วิลาสินี พรหมกุล อายุ 45 ปี
  • เด็กชาย วัย 13 ปี

ความคืบหน้าล่าสุด (5 ธ.ค. 63) มีรายงานว่า
เพื่อนของ น.ส.ชลดา หินคำ หรือ น้องจูน อายุ 22 ปี
ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยหลังทราบข่าวร้าย

R.I.P. เพื่อนรัก
เมื่อวานยังเจอกัน ยังนั่งกินข้าวข้างๆ กัน ยังฝึกงานด้วยกันอยู่เลยเพื่อนเอ้ยยยย ด่วนจากไปอะไรเร็วขนาดนี้นะเพื่อน
กูว่าจะสั่งข้าวกับมึงให้มาส่งกินก่อนเข้าทำงานอยู่เลย
มึงคือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเพื่อนทุกคนไม่ใช่แค่กูคนเดียว
ทุกครั้งที่ไปเที่ยวด้วยกันมึงค่อยซัพพอร์ตเพื่อนทุกอย่าง
เตรียมของเที่ยวออกเงินให้เพื่อนก่อนโดยไม่คิดว่าตัวเองมีมั้ย ซื้อข้าวมาส่งเพื่อนก่อนเข้าทำงานทุกวัน เป็นคนกลางเวลาเพื่อนมีปัญหา ถึงกูจะรู้จักมึงแค่ไม่กี่ปี
แต่มันจะเป็นความทรงจำดีๆที่เรียน เคยกิน เคยเที่ยว เคยไปไหนด้วยกัน นัดกันจะไปเที่ยวทะเล เที่ยวภูทับเบิก เที่ยวภูเขาด้วยกัน และจะจบด้วยกันอยู่แท้ๆเพื่อนเอ้ย
ต่อจากนี้คงไม่มีใครให้เพื่อนพูดหยอด ให้เพื่อนคอยกวนอีกแล้ว ชาติหน้าค่อยมาเป็นเพื่อนกันใหม่และอยู่ให้นานกว่านี้นะ นางฟ้าของเพื่อนทุกคน
#จูนเพื่อนรัก
#หลับให้สบายนะเพื่อน
#วันฝึกงานคงไม่มีมึงแล้วสินะ
#ไม่ต้องห่วงงานห่วงเรื่องเรียนนะ
#หมดเวรหมดกรรมมึงแล้วนะเพื่อน
#มึงจะอยู่ในความทรงจำดีของกูตลอดไป
#มึงจะได้เกียรตินิยมอันดับ1อยู่แล้วเพื่อน

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าว ได้มีผู้เข้ามาแสดงความเสียใจ และอาลัยต่อการจากไปของน้องจูนเป้นจำนวนมาก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด&เวสต์แฮม 3-1

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด&เวสต์แฮม 3-1 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้นได้มีการบุกนำทีมโดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา บุกเข้า ที่สนาน ลอนดอน สเตเดี้ยม

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โชว์กึ๋นแก้เกมได้อย่างสุดยอด
หลังครึ่งแรกตามหลังก่อนที่ครึ่งหลังจะตะบันสามเม็ดรวดจาก ปอล ป็อกบา, เมสัน กรีนวู้ด และมาร์คัส แรชฟอร์ด

คว้าชัยเหนือเจ้าถิ่น เวสต์แฮม 3-1 ทำสถิติชนะรวดนอกบ้านในลีก 100% คว้าสามแต้มมีเพิ่มเป็น 19 คะแนนแซงแมนฯซิตี้ รั้งอันดับ 4 ชั่วคราว โดยเกมนี้เป็นนัดแรกในรอบ 9 เดือนที่มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมพรีเมียร์ลีกในสนามอีกด้วย

:แมนฯยูไนเต็ด & เปแอสเช 1 – 3

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด&เวสต์แฮม 3-1 นัดนี้เป็นเกมแรกที่ได้เห็นแฟนบอลกลับมาในพรีเมียร์ลีกหนแรกในรอบ 271 วัน ซึ่งเกมนี้เจ้าบ้านของ เดวิด มอยส์ ยังใช้แข้งชุดเก่งชุดเดิมขาดเพียง มิคาเอล อันโตนิโอ ที่บาดเจ็บโดยส่ง  เซบาสเตียง อาลแลร์ ยืนหน้าเป้าแทน 

    เปิดฉากมาแค่ 2 นาทีแรก “ขุนค้อน” ได้ลุ้นก่อนเลยหลัง ยาร์ร็อด โบเว่น ได้บอลในเขตโทษเลี้ยงเข้าซ้ายก่อนซัดไปแฉลบ
แม็คโทมิเนย์ ก่อนไปเข้าทาง ปาโบล ฟอร์นาลส์ ยิงเสาแรกไปตรงตัว ดีน เฮนเดอร์สัน 

นาที 9 เวสต์แฮม ชวดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายหลัง ยาร์ร็อด โบเว่น กดด้วยขวาส่งบอลเข้าประตูไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน

    นาที 18 เป็นโอกาสลุ้นหนแรกของ “ผีแดง” อารอน แวน-บิสซาก้า
ปาดเข้ากลางให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล กดด้วยขวานอกกรอบแต่บอลยังไปติดบล็อค ฟาเบียน บัลบูเอน่า ออกหลัง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด&เวสต์แฮม  3-1
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด&เวสต์แฮม  3-1

    นาที 31 เอดิน คาวานี่ ทำเสียบอลโดน ยาร์ร็อด โบเว่น พาบอลจากครึ่งสนามขึ้นมาแล้ว
ครอสมาเสาไกลให้ ปาโบล ฟอร์นาลส์ โขกเน้นๆ เสาแรกเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย

นาที 55 แมนยู ทิ้งโอกาสทองที่จะไล่ตีเสมอออกไป หลังบอลโต้กลับแทงถึง แรชฟอร์ด ที่หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปก่อนไหลเข้ากลางให้
สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ จับก่อนหนึ่งจังหวะก่อนซัดเต็มแรงถากเสาออกไป

    นาที 62 “ผีแดง” ต้องเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายหลัง อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล
เล่นต่อไม่ไหวจนต้องเปลี่ยนออกก่อนส่ง ฆวน มาต้า เล่นแทน

    กระทั่ง นาที 65 ทีมเยือนไล่ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ
บอลยาวจาก ดีน เฮนเดอร์สัน
ขนานเส้นถึง บรูโน่ แฟร์นันด์ส
หลุดขึ้นไปก่อนไหลเข้ากลางให้ ปอล ป็อกบา วิ่งมาปั่นด้วยขวาบอลโค้งเบียดเสาเข้าไปอย่างสวยงาม

    อีก 3 นาทีถัดมา แฟนขุนค้อนต้องเงียบกริบทั้งสนาม
เมื่อ แมนฯยูไนเต็ด
แซงขึ้นนำ 2-1 บรูโน่ แฟร์นันด์ส ตอกส้นให้ อเล็กซ์ เตลลิส
ครอสไปหน้ากรอบถึง เมสัน กรีนวู้ด จับด้วยซ้ายแล้ววอลเลย์ผ่านมือ ฟาเบียนสกี้เข้าไปอย่างเฉียบขาด 

    กระนั้น นาที 78 ลูกทีมของ โซลชา มาพังประตูนำห่าง 3-1
จนได้คราวนี้ ฆวน มาต้า แทงบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด
หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปชิพบอลผ่านตัว ลูคัส ฟาเบียนสกี้ เข้าไปอย่างเหนือชั้น

    จบเกม แมนฯยูไนเต็ด บุกมาแซงเอาชนะ เวสต์แฮม
อย่างสุดยอด 3-1 ทำสถิติชนะเกมนอกบ้าน 5 นัดรวด
คว้าสามแต้มเต็มมีเพิ่มเป็น 19 คะแนน แซง “เรือใบสีฟ้า”
ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ชั่วคราว ส่วนเวสต์แฮมตกมาอยู่อันดับ 7 มี 17 คะแนนเหมือนเดิม

 รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เวสต์แฮม (3-4-3) : 

  • ลูคัส ฟาเบียนสกี้ – ฟาเบียน บัลบูเอน่า
  • อันเจโล่ อ็อกบอนน่า
  • แอรอน เครสส์เวลล์ – วลาดิเมียร์ คูฟาล (เบน จอห์นสัน น.85)
  • เดแคลน ไรซ์
  • โทมัส ซูเช็ค
  • อาร์ธูร์ มาซูอากู – ยาร์ร็อด โบเว่น (มานูเอล ลันซินี่ น.76)
  • เซบาสเตียง อาลแลร์
  • ปาโบล ฟอร์นาลส์ (ซาอิด เบนราห์มา น.75)

        ผู้จัดการทีม : เดวิด มอยส์

        แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : 

  • ดีน เฮนเดอร์สัน – อารอน แวน-บิสซาก้า
  • วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ
  • แฮร์รี่ แม็กไกวร์
  • อเล็กซ์ เตลลิส – สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
  • ปอล ป็อกบา – เมสัน กรีนวู้ด
  • ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (บรูโน่ แฟร์นันด์ส น.46)
  • อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (ฆวน มาต้า น.62)
  • เอดินสัน คาวานี่ (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.46)

        ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

        ผู้ตัดสิน : อังเดร มาริเนอร์

ดูแลเรื่องสุขภาพที่ดี ต้องดูแลยังไง

ดูแลเรื่องสุขภาพที่ดี ต้องดูแลยังไง วันน้ีเราจะมาบอกเทคนิค การทำให้สุขภาพที่ดีทำยังไงให้ดีขึ้น ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพทางใจของท่านให้ท่านได้สบายใจเป็นอย่างมาก โดยเทคนิคนี้สามารถทำได้ ไม่อันตราย และยังทำได้ทุกเพศ ทุกวัยทั้งคนที่ปวดเป็นโรคทางด้านสุขภาพ ทางจิตเราก็สารถ ทำให้ท่านได้ผ่อนคล้ายได้

ดูแลเรื่องสุขภาพที่ดี ต้องดูแลยังไง เพื่อเป็นการทำให้การคิดและทบทวนการทำใจในสุขภาพจิต ให้คิดทบทวนหลายๆ ให้เราคิดทางแง่ ลบ ออกก่อนที่จะเริ่มทำการ ต่างๆ

:นิยามของความรักคืออะไร

นิยามของสุขภาพจิตที่ดี

สุขภาพจิตที่ดี คือ สภาวะจิตใจที่เป็นสุข มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สามารถปรับตัวเพื่อให้ผ่านพ้นปัญหาหรือความเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ไปได้ และใช้ชีวิตในสังคมได้เป็นปกติ สุขภาพจิตที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม ทั้งวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยสูงอายุ หรือแม้กระทั่งวัยเด็ก

โดยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาชี้ว่า ผู้ที่มีสุขภาพจิตดีมักมีลักษณะดังนี้

  • ไม่ค่อยรู้สึกสิ้นหวัง
  • เข้าสู่โหมดอารมณ์แง่ลบได้ยาก และปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้เร็ว
  • มีแนวโน้มจะนึกถึงช่วงเวลาที่ดีมากกว่าช่วงเวลาที่เลวร้าย
  • เข้าใจถึงความหมายของชีวิต และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมาย
  • ให้ความสนใจกับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ และคำนึงถึงการคงไว้ซึ่งอารมณ์และสุขภาพจิตที่ดี
  • มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อื่นมากกว่าผู้ที่มีสุขภาพจิตไม่ดี

นอกจากนี้ มีงานวิจัยพบว่าการมีสุขภาพจิตดีและการมองโลกในแง่ดีนั้นสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นด้วย โดยอาจช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยให้มีน้ำหนักและระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
มีอายุยืนยาวขึ้น และมีปัญหาสุขภาพที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันน้อยลง อย่างไรก็ตาม อาจยังสรุปชัดเจนไม่ได้ว่าสุขภาพจิตที่ดีจะนำไปสู่สุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น หรือการมีสุขภาพกายที่ดีเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อารมณ์ดี อีกทั้งอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วยเช่นกัน

เคล็ดลับการมีสุขภาพจิตที่ดี

การมีสุขภาพจิตดีจะช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีโดยรวม แต่นิยามคำว่าสุขภาพจิตดีไม่ได้หมายความว่าต้องไม่เคยมีความคิดหรือความรู้สึกในแง่ลบเลย เพราะอารมณ์เศร้า เสียใจ หงุดหงิด หรือโกรธ ล้วนเกิดขึ้นได้เป็นปกติ
อีกทั้งความรู้สึกแง่ลบนั้นใช่ว่ามีแต่ข้อเสีย เพราะในระยะสั้นจะช่วยให้เรารู้ว่าสิ่งใดเป็นปัญหาและควรจัดการกับมันอย่างไรเพื่อให้เอาตัวรอดผ่านพ้นไปได้ ทว่าในระยะยาวก็ควรรู้จักปรับทัศนคติเพื่อรักษาสมดุลระหว่างแง่บวกกับแง่ลบด้วย และคงไว้ซึ่งสุขภาพจิตที่ดี ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกในแง่ลบส่งผลให้ตัวเองจมอยู่กับอดีต หรือวิตกกังวลถึงอนาคตจนไม่มีความสุขกับชีวิตในปัจจุบัน

ทั้งนี้ สุขภาพจิตที่ดีไม่ใช่นิสัยหรือสิ่งที่มีติดตัวมาแต่กำเนิด แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนสร้างได้ด้วยตนเอง เพียงปรับเปลี่ยนมุมมอง และหมั่นเติมพลังบวกให้ตัวเองตามคำแนะนำต่อไปนี้

ดูแลเรื่องสุขภาพที่ดี ต้องดูแลยังไง
ดูแลเรื่องสุขภาพที่ดี ต้องดูแลยังไง

ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ในช่วงก่อนและหลังจากออกกำลังกาย ร่างกายจะปลดปล่อยสารเอนดอร์ฟินที่ช่วยให้อารมณ์ดีและผ่อนคลายจากความเครียด
การออกกำลังกายจึงเป็นวิธีที่ช่วยจัดการกับความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าได้ดี โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที

เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สารอาหารจะช่วยหล่อเลี้ยงร่างกายและสมองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จึงควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลายและครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ โดยรับประทานผักผลไม้ให้มาก และเลือกบริโภคไขมันดีจากปลาแซลมอน ปลาทูน่า ถั่ว หรือเมล็ดแฟล็กซ์แทนเนื้อสัตว์ติดมัน

เลิกพฤติกรรมเสี่ยง ควรลด ละ เลิกบุหรี่ รวมถึงลดหรืองดดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ใช้สารเสพติด เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายแล้ว
ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตอีกด้วย เพราะอาจทำให้เกิดความตึงเครียดและนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้

ผ่อนคลายจากความเครียด หากชีวิตประจำวันวุ่นวายหรือมีตารางงานรัดแน่น
ควรหาเวลาพักเพื่อผ่อนคลายสัก 30 นาที
เช่น ฟังเพลง ดูทีวี นั่งสมาธิ ทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ เป็นต้น

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งานวิจัยขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งพบว่าการนอนไม่พอส่งผลให้เกิดอารมณ์ด้านลบและนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
จึงควรพยายามเข้านอนให้ตรงเวลาทุกวัน และฝึกนิสัยการนอนที่จะช่วยให้นอนหลับสนิท เช่น ไม่จ้องหน้าจอมือถือหรืออุปกรณ์ดิจิทัล
รวมทั้งงดออกกำลังกายในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนนอน ไม่บริโภคเครื่องดื่มคาเฟอีนหลังจากช่วงบ่าย เป็นต้น

เติมพลังบวกให้สุขภาพจิต

มองโลกในแง่ดี มีงานวิจัยที่พบว่ามุมมองความคิดที่มีต่อตัวเองนั้นส่งผลต่อความคิดของคนเราได้ หากมองโลกในแง่ร้ายก็จะทำให้เลือกมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ในด้านลบ ดังนั้น ควรฝึกคุยกับตัวเองโดยใช้คำที่ช่วยให้รู้สึกดีและเห็นคุณค่าในตัวเอง รวมทั้งพยายามเลือกมองในด้านที่ดีและมีความหวังที่จะพัฒนาหรือแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด

ตระหนักและใส่ใจกับปัจจุบัน พยายามปล่อยวางเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต และไม่คาดหวังกับอนาคตมากจนเกินไป
ใช้ความคิดและความรู้สึกไปกับเหตุการณ์และผู้คนรอบข้าง ณ ปัจจุบัน รวมทั้งพยายามนึกถึงข้อดีและขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่
อาจฝึกจดจ่อกับกิจวัตรที่ทำโดยไม่คิดถึงเรื่องอื่น ๆ ใช้ประสาทสัมผัสรับกลิ่น
เสียง รส และภาพของสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดความคิดฟุ้งซ่าน

เขียนบันทึกเรื่องราวในชีวิตประจำวัน การเขียนระบายและบันทึกความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเปรียบเสมือนการสำรวจตัวเอง ตกผลึกความคิด ซึ่งอาจช่วยให้วิเคราะห์ปัญหาและหาทางแก้ไขได้ดียิ่งขึ้น

เรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา ทักษะความสามารถหรือความรู้ใหม่ ๆ จะช่วยให้รู้สึกว่าตนประสบความสำเร็จในการทำสิ่งนั้น ๆ และเกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง
โดยอาจเริ่มจากการทำงานอดิเรกหรือศาสตร์ที่ตนสนใจ เช่น ทำอาหาร เล่นดนตรี เย็บปักถักร้อย เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันก็ช่วยให้เข้าถึงความรู้ต่าง ๆ
ได้ง่ายยิ่งขึ้น และมีหลักสูตรอบรมออนไลน์ที่คอยอำนวยความสะดวกให้เลือกมากมาย

ตั้งเป้าหมายในชีวิต การใช้ชีวิตอย่างไร้แผนการและไร้จุดมุ่งหมายอาจทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวลต่อชีวิตในอนาคต จึงควรตั้งเป้าหมายในระยะยาว เพื่อช่วยให้ตระหนักว่าสิ่งที่กำลังทำในปัจจุบันนั้นมีความหมาย
และมีกำลังใจที่จะทำต่อไปเพื่อบรรลุในสิ่งที่มุ่งหวัง ซึ่งอาจเขียนเป้าหมายต่าง ๆ
ลงบนกระดาษ เช่น การพัฒนาด้านการศึกษา อาชีพ หรือบุคลิกภาพ เป็นต้น และจัดสรรเวลาเพื่อฝึกฝนหรือทำตามเป้าหมายในแต่ละวันอย่างพอดี เพื่อไม่ให้กดดันตัวเองมากเกินไป

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว หมั่นใช้เวลาในการกระชับความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่เพื่อนบ้าน

รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น การช่วยเหลือกันจะสร้างรอยยิ้มและความรู้สึกดี ๆ
แก่ทั้งผู้ให้และผู้รับ อาจเป็นการบริจาคทาน เป็นอาสาสมัคร การมอบคำพูดดี ๆ ให้แก่กัน
หรือการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นก็ถือเป็นการให้ ซึ่งผู้ให้ก็จะรู้สึกดีกับตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น ทั้งยังช่วยสานสัมพันธ์กับผู้อื่นไปในตัวด้วย

ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อจำเป็น หากมีปัญหาควรบอกเล่าให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวฟัง เพื่อระบายความรู้สึก เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น และเพื่อให้สามารถหาทางแก้ไขไปด้วยกัน

โดยไม่ควรแบกรับปัญหาไว้คนเดียว แต่หากไม่อยากเล่าให้คนรอบข้างฟัง อาจเลือกปรึกษานักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญผ่านการโทรศัพท์ไปยังสายด่วนสุขภาพจิต 1323

แมนฯยูไนเต็ด & เปแอสเช 1 – 3

แมนฯยูไนเต็ด & เปแอสเช 1 – 3 เมื่อใน วันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านได้มีการแข่งระหว่าง ปารีส กับ แมนฯยูไนเต็ด ทีมเยือนได้แพ้ เจ้าบ้านไป 1 – 3 ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด

แมนฯยูไนเต็ด & เปแอสเช 1 – 3 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถอนแค้นสำเร็จหลังบุกมาเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด
ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด 3-1 โดยเกมนี้ “ผีแดง” ต้องเหลือแค่ 10 คนหลัง
เฟร็ด โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม แถมมาร์คัส แรชฟอร์ดต้องมาเจ็บเพิ่มอีก

:ลาโลกแล้ว นักฟุตบอลในตำนาน

    นาที 22 เกมเริ่มระอุขึ้นหลัง เฟร็ด เอาหัวไปชนหน้า เลอันโดร ปาเรเดส
จนแข้งปารีสล้มลงไป ก่อนผู้ตัดสินจะเช็กกับห้องวีเออาร์
แล้ววิ่งไปดูภาพจากจอข้างสนาม ก่อนกลับมาควักใบเหลืองให้ เฟร็ด ซึ่งผู้ตัดสินอาจมองว่าไม่ชัดเจนเพียงพอจะเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

    นาที 26 “ผีแดง” ได้ลุ้นอีกหลัง บรูโน่ แฟร์นันด์ส
เปิดเตะมุมมากลางประตูให้ สกอตต์ แม็คโทมิเน่ย์ เทกตัวโขกแต่บอลเบาไปเข้ามือ เคย์เลอร์ นาบาส

    นาที 34 เปแอสเช ได้ลุ้นแซงขึ้นนำอีกหน หลัง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้
ได้บอลในกรอบก่อนพยายามปั่นด้วยขวาแต่ยังดีที่ติดบล็อค วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ หลุดกรอบออกไป

แมนฯยูไนเต็ด & เปแอสเช 1 - 3
แมนฯยูไนเต็ด & เปแอสเช 1 - 3

    จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-1 

    นาที 49 “ผีแดง” พลาดโอกาสขึ้นนำเปแอสเช หลังบอลสวนกลับ
เอดินสัน คาวานี่ ชิ่งให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปก่อนปาดเลียดมาหน้าประตูให้
อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล วิ่งมายิงโล่งๆแต่เจ้าตัวดันบอลเหินคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง

นาที 57 โอกาสของเจ้าบ้านมาอีกครั้ง หลังบอลโต้กลับจากหน้าปากประตูตัวเองอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
แทงบอลให้ เอดินสัน คาวานี่ กระชากหลุดเข้าไปก่อนบรรจงชิพบอลข้ามหัว  
เคย์เลอร์ นาบาส แต่บอลไปชนคาน
กระดอนมาเข้าทาง บรูโน่ แฟร์นันด์ส แปะสั้นๆเข้ากลางให้ มาร์กซิยาล วิ่งมาอัดด้วยขวาไปติดบล็อคอย่างน่าเสียดาย

    นาที 68 เปแอสเช โต้ขึ้นมาถึงหน้าปากประตูผีแดง
เนย์มาร์ ไหลออกซ้ายให้ มิตเชล บัคเกอร์ ตัวสำรองวิ่งมาซัดไปติดขา เด เคอา ออกหลังหวุดหวิด

    อีกทั้ง นาที 72 มาร์คัส แรชฟอร์ด มีอาการเจ็บอีกก่อนจะเล่นต่อไม่ไหวจน
โซลชา ต้องส่ง ปอล ป็อกบา ลงมาเล่นแทน

    ช่วงทดเจ็บ นาที 90+1 เปแอสเช มาได้ประตูปิดกล่อง 3-1 จากจังหวะที่ ราฟินญ่า
หลุดเข้าไปก่อนหักเข้ามาให้ เนย์มาร์ ยิงโล่งๆ ผ่าน เด เคอา เข้าไป และเป็นประตูที่สองในเกมนี้ของดาวเตะทีมชาติบราซิล

    จบเกม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถอนแค้นได้สำเร็จบุกมาคว้าชัยเหนือ
แมนฯยูไนเต็ด 3-1 ทำให้มี 9 คะแนนเท่ากับ “ปีศาจแดง” และไลป์ซิก
โดยเกมนัดสุดท้ายของต้องลุ้นเข้ารอบเพื่อหา 2 ทีมผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        แมนฯ ยูไนเต็ด (4-3-1-2) : 

  • ดาบิด เด เคอา  – อารอน วาน-บิสซาก้า
    (โอเดียน อิกาโล่ น.90)
  • วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ
  • แฮร์รี่ แม็คไกวร์
  • อเล็กซ์ เตลลิส – เฟร็ด (ใบแดง น.70)
  • สกอตต์ แม็คโทมิเน่ย์ – มาร์คัส แรชฟอร์ด (ปอล ป็อกบา น.74)
  • บรูโน่ แฟร์นันด์ส
  • อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (เมสัน กรีนวู้ด น.79) –  เอดินสัน คาวานี่ (ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค น.79)

เทรนเนอร์ : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

        ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (4-3-3) : 

  • เคย์เลอร์ นาบาส – อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ (ธิโล เคห์เรอร์ น.78)
  • มาร์กินญอส
  • อับบู ดิยัลโล่ (อิดริสซ่า เกย์ น.90)
  • เพรสแนล คิมเพมเบ้ – เลอันโดร ปาเรเดส (อันเดร์ เอร์เรร่า น.65)
  • มาร์โก แวร์รัตติ (ราฟินญ่า น.78)
  • ดานิโล เปเรยร่า – คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้
  • มอยเซ่ คีน (มิตเชล บัคเกอร์ น.65)
  • เนย์มาร์ 

        เทรนเนอร์ : โธมัส ทูเคิ่ล

        ผู้ตัดสิน : ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ (อิตาลี)